การมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังคือความฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานหนักและอยากมีพื้นที่พักผ่อนที่เป็นของตัวเอง แต่คำถามที่เจอบ่อยคือ อยากซื้อบ้านต้องทำอย่างไร ? จะเริ่มเก็บเงินซื้อบ้านแบบไหนถึงจะกู้ซื้อบ้านได้ เพราะหลายคนยังรู้สึกว่าสิ่งนี้ยังไกลเกินเอื้อม เพราะต้องหาเงินก้อนใหญ่ และมีค่าใช้จ่ายมากมาย
แต่ความจริงแล้ว การซื้อบ้านไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะหากว่ามีแผนเก็บเงินซื้อบ้านอย่างเป็นระบบ ออมเงินอย่างสม่ำเสมอก็สามารถซื้อบ้านได้อย่างแน่นอน
ตั้งเป้าหมายให้ชัด และกำหนดราคาบ้านตามกำลังที่เหมาะสม
การวางแผนซื้อบ้านควรเริ่มต้นจากการรู้ความต้องการและกำลังของตัวเอง เพื่อที่จะกำหนดเป้าหมายในการซื้อบ้านอย่างเหมาะสม โดยมีขั้นตอนดังนี้
ดูข้อมูลราคาบ้านในย่านที่สนใจ
ตัวอย่างเช่น หากว่าอยากได้บ้านในย่านพระราม 3 ก็ควรสำรวจโครงการที่อยู่ในทำเลเดียวกัน เพื่อดูราคากลาง และคำนวณว่าควรเตรียมงบประมาณเอาไว้เท่าไร
คำนวณราคาบ้านที่สามารถจ่ายไหว
ราคาบ้านไม่ควรเกิน 5 เท่าของรายได้ต่อปี ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นภาระที่หนักจนเกินไป ตัวอย่างเช่น หากว่ามีรายได้เดือนละ 100,000 บาท หรือปีละ 1,200,000 บาท ราคาบ้านที่เหมาะสมจะต้องไม่เกิน 6 ล้านบาท
ค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 40% ของรายได้
หากว่าเรากู้ซื้อบ้าน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เราไม่ควรมีภาระหนี้รวมกันเกิน 40% ของรายได้ หมายความว่า หากว่าเรามีภาระหนี้อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือหนี้ส่วนตัว ก็ต้องอยู่ใน 40% นี้ ไม่ควรจะผ่อนบ้านหนักจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะไม่มีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำบัญชีรายรับรายจ่ายจนติดเป็นนิสัย
การทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างเข้มงวด เป็นรากฐานของการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การเก็บเงินซื้อบ้านได้สำเร็จ
บันทึกรายรับ–รายจ่ายทุกวัน
จดรายรับและรายจ่ายเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเงินเล็กน้อยแค่ไหน ซึ่งปัจจุบันสามารถจดผ่านแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมอื่น ๆ ได้เช่นกัน การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายจะช่วยให้รู้ว่าเงินของเรารั่วไหลไปทางไหนบ้าง
ใช้สูตร “50–30–20 Rule” เพื่อจัดการรายได้ให้มีสมดุล
แบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (ค่าผ่อน, ค่าอาหาร, ค่าบ้าน)
- 30% สำหรับความสุขส่วนตัว (ช้อปปิ้ง, ท่องเที่ยว, ดูหนัง)
- 20% สำหรับการออมเงิน โดยเราอาจจะแบ่งออกมาเป็นการเก็บเงินซื้อบ้านโดยเฉพาะ
แยกบัญชีสำหรับ “เก็บเงินซื้อบ้าน” เพื่อเป้าหมายชัดเจน
เราควรเก็บเปิดบัญชีแยกสำหรับบ้านโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เงินออมส่วนนี้ไปรวมกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเผลอใช้จนหมด โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้
- เปิดบัญชีใหม่และตั้งชื่อให้ชัด เช่น “บัญชีบ้านหลังแรก”
- ตั้งระบบหักเงินอัตโนมัติทุกเดือน เช่น 20-30% ของเงินเดือน
- หากมีโบนัสหรืองานพิเศษ ควรนำส่วนหนึ่งเข้าบัญชีนี้ทันที เพื่อให้เงินก้อนเติบโตเร็วขึ้น
นำเงินเก็บไปลงทุน ให้เงินทำงาน
การออมเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทันเงินเฟ้อ ลองพิจารณาลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับตัวเอง โดยควรพิจารณาการลงทุนตามความเหมาะสม
สำหรับคนที่วางแผนซื้อบ้านภายใน 3–5 ปี
ควรเลือกการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เพื่อให้มั่นใจว่าเงินต้นไม่หาย เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากดอกเบี้ยพิเศษแบบปลอดภาษี
สำหรับคนที่วางแผนมากกว่า 5 ปี
อาจจะเลือกการลงทุนที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย อย่างกองทุนผสม หรือหุ้นพื้นฐานดี เพื่อสร้างโอกาสตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนที่ถูกวิธีจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและทำให้เป้าหมายซื้อบ้านใกล้เข้ามาเร็วขึ้น
หารายได้เสริมเพื่อเร่งออม
เหมือนอย่างที่กูรูทางการเงินบอกเอาไว้ว่า “อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าเดียว” นอกจากนี้การรับเงินเดือนเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอสำหรับเป้าหมายใหญ่ ดังนั้นจึงควรหารายได้เสริม เพื่อช่วยให้เก็บเงินได้เร็วขึ้น โดยควรนำรายได้ดังกล่าวไปสะสมไว้ในบัญชีบ้าน เพื่อไม่ให้เผลอใช้ไปกับเรื่องอื่น ๆ
ไอเดียการหารายได้เสริม
- ใช้ทักษะที่มี เช่น งานเขียน ออกแบบ ถ่ายภาพ วาดรูป
- ทำธุรกิจออนไลน์เล็ก ๆ เช่น การขายของผ่าน Shopee, TikTok Shop
โครงการบ้านจากเมซัน สานฝันบ้านหลังแรก
การเก็บเงินซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเริ่มต้นด้วยการวางแผนที่ชัดเจน ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ สำหรับใครที่มองหาบ้านทำเลดี เดินทางสะดวก และพร้อมเข้าอยู่ทันที ขอแนะนำทาวน์โฮมย่านพระราม 3 จาก Maison Development ที่ออกแบบฟังก์ชันตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง พร้อมบรรยากาศเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการเป็นบ้านหลังแรก และเป็นรากฐานสำคัญของการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอย่างมั่นคง
สนใจเยี่ยมชมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-2953397-8
ข้อมูลอ้างอิง
- วิธีเก็บเงินซื้อบ้าน (ที่นำไปใช้ได้จริง). สืบค้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 จาก https://blog.ghbank.co.th/save-to-buy-a-house/