การดูแลรักษาบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่หลายคนมักจะละเลยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องทำทันที ส่งผลให้การบำรุงรักษาบ้านขาดไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการอยู่อาศัย มาดูเช็กลิสต์ดูแลรักษาบ้านครั้งใหญ่ที่คุณควรทำในแต่ละปีเพื่อบ้านที่ปลอดภัยและสะอาดกันเลย
1. ล้างแอร์
การล้างแอร์เป็นการกำจัดฝุ่นและเชื้อโรคที่สะสมในตัวเครื่อง ช่วยให้แอร์ทำงานได้ดีขึ้น ลดการสะสมของเชื้อโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ปกติแล้วควรล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง โดยเลือกช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูร้อนที่แอร์ทำงานหนักเกินไป หากเว้นระยะนานมากกว่านี้อาจเกิดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกทำให้ส่งผลเสียต่อแอร์ให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ แอร์อุดตันและไม่เย็น นอกจากนี้ หากบ้านอยู่ใกล้กับถนนหรือบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ หรือเลี้ยงสัตว์ จำเป็นต้องล้างแอร์บ่อยครั้ง แนะนำล้างแอร์ทุก 2-3 เดือน โดยสังเกตฝุ่นจากด้านหลังของคอยล์ร้อนหรือคอมเพรสเซอร์
2. ฉีดปลวก มด แมลง
การฉีดปลวก มด แมลง นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้โครงสร้างบ้านถูกทำลาย ยังช่วยดูแลด้านสุขอนามัยอีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดปลวกคือช่วงเริ่มฤดูหนาว หรือหลังจากหมดช่วงฤดูฝน 2-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ปลวกกำลังเริ่มทำรัง จะช่วยยับยั้งการขยายพันธ์ุและการสร้างอาณาจักรของปลวกได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งสำคัญในการกำจัดปลวกคือความสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นจะฉีดได้ก็ต่อเมื่อพบปัญหาปลวกแล้ว เพราะอาจจะสายเกินไป และทำให้ปัญหาบานปลาย ต้องใช้เงินในการแก้ไขจำนวนมาก
3. ทาสีบ้าน
การทาสีบ้านเป็นการปกป้องผนังจากความชื้นและเชื้อโรค รวมทั้งช่วยให้บ้านดูใหม่และสดใสขึ้น
ปกติแล้ว การทาสีบ้านแต่ละครั้งจะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี แต่หากตรวจพบว่าสีภายในและภายนอกบ้านมีการหลุดล่อนหรือเป็นขุย อาจเกิดจากการใช้สีที่ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการ แนะนำให้ทาสีบ้านใหม่จะดีกว่า
ปกติการทาสีบ้านมักต้องมีการทารองพื้นเพื่อเพิ่มให้วัสดุโดนเคลือบก่อนหนึ่งชั้น หรือถ้าเป็นสีบางรุ่นจะมีการผสมสารเคลือบไปในตัว เป็นวิธีในการดูแลรักษาเนื้อวัสดุไม่ให้หมดสภาพหรือกัดกร่อน ผุพังได้ง่าย ยิ่งในยุคนี้ที่มีสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งแดด ฝน ฝุ่น การให้ความสำคัญกับสารประกอบเสริมภายในสี หรือการเลือกสีที่มีสารป้องกันเชื้อรา หรือสารกันชื้น ป้องกันความร้อน หรือขัดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ก็จะช่วยยืดอายุให้บ้านดูสวยนานยิ่งขึ้น
4. ล้างแทงก์น้ำ
อีกหนึ่งวิธีในการดูแลบ้านที่หลายคนอาจมองข้าม คือการล้างแทงก์น้ำประจำปี เพราะอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค เสี่ยงต่อการปนเปื้อน สามารถนำไปสู่โรคที่เกิดจากน้ำเช่น โรคท้องร่วง อหิวาตกโรค
ช่วงเวลาที่เหมาะสม ล้างแทงก์น้ำ คือปีละ 1 ครั้ง โดยสามารถทำในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝนเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
5. เปลี่ยนไส้กรองน้ำ
นอกเหนือจากการล้างแทงก์น้ำแล้ว การเปลี่ยนไส้กรองน้ำภายในบ้านก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งสกปรกที่สะสมจะทำให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพลดลง อาจทำให้น้ำที่ใช้ในบ้านไม่สะอาด เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ อย่างนิ่ว อีกด้วย
การใช้เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงจะเป็นตัวช่วยในการคัดกรองคุณภาพน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคได้ในทางหนึ่ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนไส้กรองน้ำคือทุก ๆ 6 เดือน หรืออาจเร็วกว่านั้น เมื่อรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงในรสชาติและคุณภาพของน้ำที่ใช้
6. ทำความสะอาดรางน้ำ
หลายคนอาจละเลยการทำความสะอาดรางน้ำประจำปี ทั้ง ๆ ที่สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการบำรุงรักษารางน้ำ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ใบไม้ กิ่งไม้ และเศษขยะต่างๆ จะสะสมอยู่ในรางน้ำ ส่งผลให้เกิดการอุดตันและขัดขวางการระบายของน้ำฝน และอาจทำให้มีน้ำซึมเข้าไปในบริเวณในเชิงชายและฝ้าทำให้บ้านเสียหาย รวมถึงกระเซ็นไปโดนบ้านข้าง ๆ และทำให้มีปัญหากันได้
ควรทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ในช่วงก่อนฤดูฝนและหลังฤดูฝนที่รางน้ำผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงนั่นเอง
7. ซ่อมผนังที่แตกร้าว
รอยแตกในผนังไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูไม่สวย ยังอาจเป็นช่องทางให้ความชื้นเข้าไปทำลายโครงสร้างภายใน รอยร้าวทุกบริเวณภายในบ้าน ไม่ว่าจะรอยเล็กหรือรอยใหญ่ ควรรีบทำการตรวจเช็ก และแก้ไขซ่อมแซมโดยด่วน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ยากต่อการซ่อมแซม เราจึงควรตรวจสอบผนังทุก ๆ ปีและซ่อมแซมทันทีที่พบรอยแตกหรือรอยร้าว
รอยร้าวชนิดต่าง ๆ ภายในบ้านที่ไม่ควรมองข้าม มีดังนี้
- รอยร้าวแนวดิ่งกลางผนัง เกิดจากโครงสร้างคานเหนือผนังมีการแอ่นตัว เนื่องจากการออกแบบ หรือก่อสร้างที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการใช้งานที่ทำให้คานรับน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้มีรอยร้าวในแนวดิ่ง ถือเป็นรอยร้าวที่อันตราย ควรทำการซ่อมแซมโดยด่วน
- รอยร้าวเฉียง 45 องศา กลางผนัง สาเหตุเกิดจากตัวบ้านเกิดการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน ถือเป็นรอยร้าวที่อันตราย ส่วนบริเวณหน้าต่างที่มีรอยร้าวลักษณะนี้ โดยมีรอยร้าวเฉียงสั้น ๆ ทุกมุม หรือหลายมุม ซึ่งรอยร้าวไม่ไปในทิศทางเดียวกัน สาเหตุเกิดจากวงกบมีการขยายตัว หรือเกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ถือเป็นรอยร้าวที่ไม่อันตราย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเกิดปัญหาบานปลายตามมาภายหลัง
- รอยร้าวรูปตัวยูใต้ท้องคาน ถือเป็นรอยร้าวที่อันตรายอย่างมาก หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้โครงสร้างบ้านทรุดตัว และเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
การซ่อมผนังที่แตกร้าวของบ้าน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง ดังนั้น การเลือกช่างที่มีความรู้ความชำนาญ สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จะช่วยให้ปัญหาผนังบ้านแตกร้าวไม่กลับมาเกิดซ้ำอีก
8. ทำความสะอาดผ้าม่าน และที่นอน
ผ้าม่านและที่นอนสะสมฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เราจึงควรใส่ใจในการทำความสะอาดผ้าม่านและที่นอนอย่างสม่ำเสมอ หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้ผ้าม่านเก่าก่อนกำหนด และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำความสะอาดผ้าม่านและที่นอนคือทุก ๆ 2 เดือนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่หากไม่มีเวลา อย่างน้อยที่สุดคือทุก ๆ 6 เดือน โดยเฉพาะในช่วงที่ฝุ่นละอองเยอะเป็นพิเศษ ก็จะช่วยเรื่องความสะอาดภายในบ้านและสุขภาพของผู้อยู่อาศัยเช่นกัน
บ้านเดี่ยวจากเมซันตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ
การดูแลรักษาบ้านเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้บ้านของเราสะอาด สวยงาม และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แต่หากว่ากำลังมองหาบ้านเดี่ยวคุณภาพ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ สามารถนัดหมายเข้าเยี่ยมชมโครงการบ้านเดี่ยว โซนพระราม 2 จาก Maison Development ได้เลย เดินทางสะดวก เข้าออกเมืองได้ง่าย นัดหมายเพื่อเยี่ยมชมโครงการเลยที่ โทร 02-2953397-8
ข้อมูลอ้างอิง
- ทำไมหลังหมดฝน 2-3 เดือน ควรเตรียมป้องกันและกำจัดปลวก สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 จาก https://www.cheminpestcontrol.com/blogs/termite/2-3
- บริการล้างถังพักน้ำจากการประปานครหลวง สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 จาก https://www.mwa.co.th/knowledge/mwa-blog/tankcleaner/