เคยไหมที่เวลาเข้าพักในโรงแรมหรู แล้วรู้สึกว่ากลิ่นในล็อบบี้หรือในห้องพักหอมละมุนจนอยากอยู่ไปนาน ๆ กลิ่นเหล่านั้นไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการออกแบบ “Scent Branding” หรือการใช้กลิ่นสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสถานที่ โดยใช้อุปกรณ์อย่างก้านไม้หอมและเครื่องพ่นอะโรมามาช่วย
ถ้าอยากให้บ้านมีกลิ่นหอมเหมือนอยู่ในโรงแรมตลอดทั้งวัน จริง ๆ แล้วทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่เข้าใจหลักการเลือกกลิ่นและการดูแลบรรยากาศในบ้านอย่างถูกวิธี มาดูเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนบ้านให้หอม สงบ และรู้สึกผ่อนคลายได้ทุกวัน
เปลี่ยนบ้านให้หอมเหมือนอยู่ในโรงแรมหรูได้ง่ายๆ
หากว่าใครอยากเปลี่ยนบ้านของตัวเองมีกลิ่นหอมละมุนแบบโรงแรมได้ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มต้นจากการเข้าใจเทคนิคการจัดกลิ่น และเลือกเครื่องหอมที่เหมาะสมกับสไตล์ของบ้าน ก็จะช่วยเปลี่ยนบ้านให้หอมตามต้องการ
1. ทำความสะอาดบ้านให้หมดกลิ่นสะสม
รู้หรือไม่ว่า บ้านที่มีกลิ่นหอม ต้องเริ่มจากการไม่มีกลิ่นสะสมและกลิ่นรบกวนอื่น ๆ เช่น กลิ่นอับ กลิ่นอาหาร หรือฝุ่น ด้วยเหตุนี้การทำความสะอาดจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการทำความสะอาดบ้านให้หอมสะอาด คือเช็ดพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีกลิ่นหอมสะอาด เช่น เลมอน หรือยูคาลิปตัส เพราะกลิ่นเหล่านี้ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนกลิ่นห้องพักใหม่ในโรงแรม อันเป็นการวางพื้นฐานกลิ่นสะอาดก่อนเติมกลิ่นหอมเฉพาะตัวเข้าไป จากนั้นเปิดหน้าต่างให้อากาศหมุนเวียนอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อระบายกลิ่นอับออกจากห้อง
อย่าลืมเปลี่ยนผ้าปูเตียงและผ้าม่านเป็นประจำ เพราะสิ่งเหล่านี้ซึมซับกลิ่นได้ง่าย การทำให้พื้นฐานของบ้านสะอาดคือการเตรียมพื้นที่ให้กลิ่นหอมใหม่ทำงานได้เต็มที่
2. อย่าลืมใส่ใจเรื่องการระบายอากาศ
บ้านที่ปิดตลอดทั้งวันมักมีกลิ่นอับโดยไม่รู้ตัว ต่อให้ใช้ ก้านไม้หอม หรือ เครื่องพ่นอะโรมาดีแค่ไหน กลิ่นก็จะไม่ฟุ้งกระจายอย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ จึงควรเปิดหน้าต่างหรือประตูวันละอย่างน้อย 10–15 นาทีในช่วงเช้า เพื่อให้ลมพัดผ่านทุกห้อง หรือใช้พัดลมดูดอากาศช่วยระบายกลิ่นในครัวและห้องน้ำ อากาศที่หมุนเวียนดีจะทำให้กลิ่นหอมในบ้านกระจายตัวอย่างนุ่มนวล และไม่แรงจนเกินไป
การระบายอากาศยังช่วยให้กลิ่นหอมในบ้านฟุ้งเป็นธรรมชาติ ซึ่งกลิ่นควรมีการเคลื่อนไหว ไม่ควรคงอยู่ตลอดเวลาแบบเข้มข้น เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัด การปล่อยให้กลิ่นแผ่วลงบ้างในบางช่วง จะยิ่งทำให้เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง กลิ่นนั้นดูหอมและน่าจดจำขึ้น
3. เติมความหอมด้วยตัวช่วย ก้านไม้หอมและเครื่องพ่นอะโรมา
โรงแรมหรูแทบทุกแห่งใช้สองไอเท็มนี้เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างกลิ่นประจำสถานที่ ได้แก่
- ก้านไม้หอม (Reed Diffuser) เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการกลิ่นหอมอ่อน ๆ กระจายต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เช่น ทางเดิน ห้องน้ำ หรือมุมรับแขก เคล็ดลับคือควรกลับก้านทุก 3–4 วัน เพื่อให้กลิ่นหอมกระจายสม่ำเสมอ และวางในบริเวณที่มีลมพัดเบา ๆ จะช่วยให้กลิ่นกระจายทั่วห้องได้ดียิ่งขึ้น
- เครื่องพ่นอะโรมา (Aroma Diffuser) ใช้น้ำมันหอมระเหยหยดลงในน้ำ จากนั้นพ่นละอองไอน้ำพร้อมกลิ่นหอมออกมา เหมาะกับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่ต้องการความผ่อนคลาย จุดเด่นคือสามารถตั้งเวลาการทำงานอัตโนมัติได้ ทำให้กลิ่นในบ้านคงที่ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องเติมบ่อย
หลายโรงแรมจะใช้เครื่องพ่นอะโรมาขนาดใหญ่ในระบบปรับอากาศ เพื่อให้กลิ่นฟุ้งทั่วทั้งอาคาร แต่สำหรับบ้านทั่วไป เครื่องพ่นขนาดเล็กก็เพียงพอ แค่เลือกตำแหน่งวางที่เหมาะสมก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน
4. เลือกกลิ่นให้เหมาะกับอารมณ์และสไตล์ของบ้าน
กลิ่นที่โรงแรมหรูนิยมใช้มักสะท้อนบุคลิกของแบรนด์ เช่น ความสะอาด อบอุ่น หรือหรูหราแบบเรียบง่าย มาดูกันว่ากลิ่นไหนบ้างที่ถูกใช้ในโรงแรมระดับโลก และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากได้กลิ่นแบบเดียวกันในบ้าน
- Lemongrass (ตะไคร้หอม) กลิ่นซิกเนเจอร์ของ Banyan Tree Hotels ให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่น เหมือนกลิ่นสปาหรู
- White Tea (ชาขาว) กลิ่นเอกลักษณ์ของ Westin Hotels ผสมผสานความหอมสะอาดของดอกไม้กับกลิ่นชาเบา ๆ
- Green Tea & Fig กลิ่นแนวธรรมชาติที่ Mandarin Oriental นิยมใช้ ให้ความรู้สึกเรียบหรู สงบ และละเมียดละไม
- Woody Musk / Sandalwood กลิ่นไม้หอมที่อบอุ่นแบบผู้ใหญ่ ให้ฟีลหรูอย่าง The Siam Hotel
- Lavender / Bergamot กลิ่นคลาสสิกที่ช่วยลดความเครียดและทำให้นอนหลับสบาย เหมาะกับห้องนอน
หากอยากรู้ว่า “กลิ่นโรงแรมไหนหอมสุด” คำตอบอาจไม่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน หากอยากสร้างกลิ่นประจำบ้านแบบโรงแรม สามารถเลือกกลิ่นหลัก 1 กลิ่น แล้วเสริมด้วยกลิ่นรองอีก 1 กลิ่น เช่น White Tea + Sandalwood หรือ Lemongrass + Green Tea มักจะได้ฟีลหรูหราและสมดุลแบบที่หลายคนหลงรัก และสามารถนำมาปรับใช้กับบ้านของเราได้
5. จัดวางกลิ่นให้เหมาะกับแต่ละห้องในบ้าน
การจัดกลิ่นให้ถูกตำแหน่งคือหัวใจสำคัญของการทำให้บ้านหอมอย่างมีระดับ ห้องแต่ละห้องมีการใช้งานที่แตกต่างกัน เรามีกลิ่นที่แนะนำดังต่อไปนี้
- ห้องนั่งเล่น ใช้ก้านไม้หอมกลิ่น White Tea หรือ Green Tea & Fig เพื่อให้กลิ่นหอมบาง ๆ ต้อนรับแขกและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน
- ห้องนอน ใช้เครื่องพ่นอะโรมากลิ่น Lavender หรือ Sandalwood เปิดไว้ก่อนเข้านอน 30 นาที ช่วยให้หลับลึกขึ้น
- ห้องน้ำ ใช้ก้านไม้หอมกลิ่น Lemongrass หรือ Citrus วางใกล้มุมที่มีความชื้น เพื่อควบคุมกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ห้องครัว ใช้สเปรย์น้ำมันหอมระเหยกลิ่น Lemongrass หรือ Mint เพื่อดับกลิ่นอาหาร
หากบ้านมีหลายห้อง ควรเลือกกลิ่นในโทนใกล้เคียงกัน เช่น กลิ่นไม้กับกลิ่นชา จะช่วยให้บรรยากาศต่อเนื่องไม่ตัดกันจนเกินไป
และอีกหนึ่งเคล็ดลับความหอมของโรงแรมคือ การซ่อนกลิ่นสะอาดไว้ในพื้นหลัง หมายถึงการใช้กลิ่นหลักอ่อน ๆ กระจายทั่วพื้นที่ และเพิ่มกลิ่นเด่นเฉพาะจุด เช่น บริเวณทางเข้า หรือห้องน้ำ วิธีนี้ทำให้กลิ่นไม่กลบกัน และยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ กับอีกเทคนิคคือ “Layering” หรือการซ้อนกลิ่น เช่น การใช้สเปรย์ฉีดผ้าม่านด้วยกลิ่นเดียวกับก้านไม้หอม เพื่อให้กลิ่นอยู่ในผ้าและกระจายออกทุกครั้งที่ลมพัด ผ่านไปทั้งวันกลิ่นก็ยังคงอยู่
สุดท้าย อย่าลืมเปลี่ยนก้านไม้หอมใหม่ทุก 2–3 เดือน และล้างเครื่องพ่นอะโรมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันคราบน้ำมันและเชื้อรา เพราะกลิ่นหอมจะสะอาดได้ ก็ต่อเมื่อเครื่องมือสะอาดเช่นกัน
ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่หอมสะอาดและน่าอยู่เหมือนโรงแรมได้ทุกวัน
หากคุณต้องการใช้ชีวิตที่สุขสบาย ผ่อนคลายเหมือนอยู่ในโรงแรมชั้นนำ ขอแนะนำโครงการบ้านเดี่ยวในย่านพระราม 2 จาก Maison Development บ้านดีไซน์โปร่ง รับลมได้ดี พร้อมพื้นที่กว้างสำหรับตกแต่งในแบบที่ชอบ จะสร้างมุมพักผ่อนสไตล์สปา หรือมุมอะโรมาแบบโรงแรมก็ลงตัวทุกสเปซ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้บ้านที่เป็นพื้นที่แห่งการพักใจอย่างแท้จริง ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ บนชุมชนที่มีระดับ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย สำหรับการใช้ชีวิตเพื่อสะท้อนความสำเร็จของคุณและครอบครัว
สนใจสามารถนัดหมายเยี่ยมชมโครงการ โทร 02-2953397-8
ข้อมูลอ้างอิง
- เปิด 10 เคล็ดลับ บ้านหอม ไม่เหม็นอับ ให้เหมือนอยู่ในโรงแรม. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 จาก https://carrierthailand.com/carrier-article/10-things-to-know-how-to-make-home-smell-nice/