รู้หรือไม่ว่า การรับประทาน Superfood เป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง และทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรงมากขึ้น หลายคนอาจคิดว่าการหาซื้อ Superfood ต้องไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือซื้อผักนำเข้าเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว เราสามารถปลูกได้เองได้ง่าย ๆ ที่บ้านไม่ว่าจะเป็นบ้านที่มีพื้นที่กว้างหรือพื้นที่จำกัดก็ตาม
Superfood คืออะไร ?
Superfood คือ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณมากเมื่อเทียบกับปริมาณการบริโภค ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน อีกทั้งยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและทำให้ผิวพรรณสดใส
ด้วยเหตุนี้ การกิน Superfood จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าเป็นผักที่ปลูกเองก็จะมีข้อดีตรงที่ได้กินของที่สดใหม่ ไม่มีสารเคมีตกค้าง และสามารถควบคุมคุณภาพเองได้
Superfood มีอะไรบ้างที่ปลูกง่าย ๆ ที่บ้าน
รู้หรือไม่ว่า การปลูกพืชที่เป็น Superfood ไม่ยากอย่างที่คิด แต่มีอะไรบ้างที่ปลูกได้ง่ายในสวนหลังบ้าน ไปดูกันเลย
1. ไข่ผำ

ไข่ผำเป็น Superfood ไทยที่ปลูกง่ายมาก ๆ เพราะไม่ต้องใช้ดินในการปลูก เพียงแค่มีภาชนะที่บรรจุน้ำสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด เช่น บ่อซีเมนต์เล็ก ๆ หรือถังน้ำ ก็ใช้ปลูกไข่ผำได้แล้ว
ขั้นตอนการปลูก
- เริ่มจากการเลือกแหล่งไข่ผำคุณภาพดี โดยใช้ไข่ผำสด
- เติมน้ำสะอาดในภาชนะประมาณ 10-20 ซม. พยายามรักษาระดับน้ำโดยเติมน้ำสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ไข่ผำมีน้ำเพียงพอ
- วางภาชนะในที่มีแสงแดดรำไรไม่ควรโดนแดดแรงจัดเกินไปเพราะอาจทำให้น้ำร้อนและไข่ผำตายได้
- เมื่อตั้งถังหรือบ่อไว้จนไข่ผำเริ่มขยายตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถเก็บเกี่ยวนำไปปรุงอาหารได้ทันที
ในระหว่างการปลูกหมั่นเติมอากาศโดยการพัดหรือหมุนให้น้ำหมุนเวียนเพื่อลดการเน่าเสีย และล้างถังน้ำทุก 2-3 สัปดาห์เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันการก่อตัวของเชื้อราและเชื้อโรคต่าง ๆ
วิธีเก็บเกี่ยว
ไข่ผำควรใช้มือเก็บเบา ๆ และล้างน้ำสะอาดก่อนนำปรุงสุก รับประทานได้ทั้งในซุป ไข่เจียว หรือปั่นสมูทตี้ เพื่อเพิ่มโปรตีนระดับสูงในมื้ออาหาร
ประโยชน์
ไข่ผำเป็นสุดยอด Superfood ที่มีปริมาณโปรตีนสูงมากถึง 40% สูงกว่าถั่วเหลือง อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ไฟเบอร์ โอเมก้า 3 ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงกระดูกและฟัน และดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย
2. กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชที่ปลูกง่ายในกระถาง และมีรสชาติอร่อย สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย รวมถึงลวกกินกับน้ำพริก
ขั้นตอนการปลูก
- เตรียมกระถางให้มีรูระบายน้ำและเติมดินผสมปุ๋ยให้ลึกประมาณ 20-30 ซม.
- นำเมล็ดกระเจี๊ยบเขียวมาแช่น้ำประมาณ 6-8 ชั่วโมงก่อนปลูกเพื่อเพิ่มการงอกเร็ว
- หว่านหรือวางเมล็ดกระเจี๊ยบให้กระจายทั่วกระถางแล้วกลบด้วยดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่มและตั้งในที่แดดจัดปานกลางประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อวัน
- รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้งแต่ไม่ให้ดินแฉะจนเกินไป
วิธีเก็บเกี่ยว
เมื่อกล้าต้นกระเจี๊ยบเจริญเติบโตขึ้นประมาณ 3-4 สัปดาห์จะเริ่มออกดอกและฝักอ่อน ให้เก็บฝักอ่อนในช่วงที่ยังนุ่มและขนาดไม่โตเกินไป เพราะจะรสชาติหวานกรอบและมีไฟเบอร์สูง
ประโยชน์
กระเจี๊ยบเขียวเป็น Superfood ที่ดีต่อระบบเผาผลาญ ช่วยดูดซับสารพิษ ลดการดูดซึมน้ำตาลและไขมัน ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการท้องผูก และลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกมากมาย อย่างวิตามินซี วิตามินเค วิตามินเอ โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพโดยรวม
3. ลูกหม่อน

ลูกหม่อนสามารถปลูกได้ในกระถางใหญ่หรือแปลงดินร่วนผสมปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก มีรสเปรี้ยว กินเล่นก็ได้ นำไปทำเป็นไอศกรีมก็อร่อย
ขั้นตอนการปลูก
- เตรียมดินปลูกไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มวันหรืออย่างน้อยครึ่งวันก่อนปลูก
- แนะนำให้ใช้ต้นกล้าลูกหม่อน ซึ่งจะปลูกได้ง่ายกว่าเมล็ด โดยฝังรากลงดินลึกประมาณ 5-10 ซม. รดน้ำให้พอชุ่ม เพื่อรักษาความชื้นในดิน
- รดน้ำวันละครั้งในช่วงเช้าควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 1-2 เดือนและตรวจสอบแมลงศัตรูพืช เพลี้ยและแมลงวันผลไม้ เพื่อป้องกันการทำลายต้นหม่อน
วิธีเก็บเกี่ยว
ผลลูกหม่อนจะเริ่มออกตั้งแต่ 4-6 เดือนหลังปลูก และสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มรสหวานอมเปรี้ยว สามารถเก็บสดมาทานหรือทำแยมและน้ำผลไม้ได้ ช่วยเสริมวิตามินซีและต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์
ลูกหม่อนเป็น Superfood ที่ดีต่อเลือดและระบบขับถ่าย อัดแน่นด้วยแอนโทไซยานินสูง ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไขมันในเลือด และยังมีใยอาหารสูง ช่วยแก้ท้องผูก ทำให้ขับถ่ายคล่องขึ้น
4. ผักเคล

ผักเคลเหมาะสำหรับปลูกในกระถางหรือแปลงดินร่วนที่ระบายน้ำดี โดยผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มธาตุอาหาร
ขั้นตอนการปลูก
- เตรียมภาชนะให้มีความลึกประมาณ 25-30 ซม. เพื่อให้รากสามารถขยายตัวได้ดี
- หว่านเมล็ดผักเคลบนดินแล้วกลบเบา ๆ ใช้น้ำพรมให้ชุ่ม
- วางในที่มีแสงแดดครึ่งวันถึงเต็มวัน รดน้ำสม่ำเสมอวันละ 1-2 ครั้ง
หากอากาศร้อนจัดควรเพิ่มการรดน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดิน แต่หากชื้นเกินไปใบจะร่วงง่าย ดังนั้นควรระมัดระวังในการรดน้ำให้พอดี ดูแลโดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 เดือนและคอยกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอ
วิธีเก็บเกี่ยว
สามารถเก็บใบสดได้นับตั้งแต่ 6 สัปดาห์หลังปลูก โดยเด็ดใบใหญ่กินก่อนได้ ใบนุ่มใช้ทำสลัดหรือปั่นเป็นน้ำผักผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินและแคลเซียม
ประโยชน์
ผักเคลเป็น Superfood ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเค และสารอาหารอย่าง แคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม แมงกานีส มีใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน บำรุงเลือด ช่วยลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และกำจัดสารพิษที่สะสมออกจากร่างกาย ทั้งยังแคลอรีต่ำอีกด้วย
5. มะเขือเทศ

มะเขือเทศปลูกได้ดีในกระถางแขวนหรือแปลงดินร่วนที่ระบายน้ำดี ผสมปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกในดินก่อนปลูก เพื่อให้มีสารอาหารเพียงพอ มะเขือเทศชอบแดดจัด วางภาชนะที่ใช้ปลูกในที่ที่ได้รับแดดวันละอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
ขั้นตอนการปลูก
- เริ่มปลูกจากต้นกล้าที่แข็งแรง หรืองอกจากเมล็ดโดยให้หลุมที่มีความลึกประมาณ 10 ซม.
- รดน้ำวันละครั้งอย่างสม่ำเสมอ ดูไม่ให้ดินแฉะไม่แฉะ
- ควรใช้ปุ๋ยเสริมโพแทสเซียมในช่วงผลิดอกติดผลเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ผลมะเขือเทศสุกสีแดงสดและหวาน
วิธีเก็บเกี่ยว
เก็บผลได้เมื่อมะเขือเทศมีสีแดงเต็มที่ ผลมะเขือเทศสดกินเป็นสลัด ทำซอส หรือปรุงอาหารได้หลายเมนู
ประโยชน์
มะเขือเทศเป็น Superfood ที่เป็นแหล่งของ ไลโคปีนและวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ, เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, และช่วยในการขับถ่ายเพราะมีใยอาหารสูง นอกจากนี้ยังอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูก ฟัน และการมองเห็น
6. พริก

การปลูกพริกนั้น ต้องใช้ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี เติมปุ๋ยคอกในดินก่อนปลูกเพื่อเพิ่มสารอาหาร ใช้กระถางที่มีรูระบายหรือปลูกในแปลงลึกประมาณ 20-30 ซม. ตั้งไว้ในที่ที่มีแดดเต็มวัน
ขั้นตอนการปลูก
- แนะนำให้ปลูกโดยใช้ต้นกล้าที่แข็งแรงโดยปลูกในช่วงต้นฤดูฝนหรือเวลาที่อุณหภูมิไม่ร้อนจัด
- รดน้ำทุกวันในตอนเช้าและเย็น ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอหรือสูตรที่เน้นโพแทสเซียมเพื่อให้ผลผลิตดีและรสชาติออกเผ็ดร้อน
วิธีเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวทำได้เมื่อพริกมีสีแดงหรือสีส้มเต็มที่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
ประโยชน์
นอกเหนือจากรสชาติเผ็ดร้อนที่เราทราบกันดี พริกยังเป็น Superfood ที่มีสรรพคุณทางยาและเป็นแหล่งของวิตามินสูง โดยสารสำคัญคือแคปไซซิน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยขับลม นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
7. แคร์รอต

วิธีการปลูกแคร์รอตนั้น ต้องใช้ดินร่วนลึกและร่วนซุยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้รากโตตรงและไม่แตก โดยใช้ภาชนะที่มีความลึกอย่างน้อย 30 ซม. และมีรูระบายน้ำดี ผสมดินกับปุ๋ยหมักและทรายเล็กน้อยเพื่อช่วยระบายน้ำ
ขั้นตอนการปลูก
- หว่านเมล็ดแคร์รอตบาง ๆ ลงในดิน และกลบเพียงบางส่วน
- รดน้ำให้ชุ่ม ใช้สปริงเกอร์หรือน้ำพรมเบา ๆ วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาความชื้นของดิน
วิธีเก็บเกี่ยว
แคร์รอตเป็นพืชที่ชอบแดดเต็มวันและควรระวังวัชพืชและศัตรูพืช เช่น หนอนกินใบ เก็บเกี่ยวได้เมื่อแคร์รอตมีขนาดประมาณ 2.5-3 นิ้ว รากแข็งแรง สีส้มสด เหมาะสำหรับนำมาทำสลัด ซุป หรือน้ำผัก
ประโยชน์
แคร์รอตเป็น Superfood ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้านการบำรุงสายตา จากสารเบต้าแคโรทีนที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ใยอาหารสูงช่วยในการขับถ่ายและควบคุมระดับน้ำตาล และบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียมช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผม เล็บ และกระดูกอีกด้วย
เติมเต็มการใช้ชีวิตด้วยบ้านใหม่จากเมซัน
การปลูก Superfood ในบ้านไม่เพียงช่วยให้ได้อาหารที่มีคุณภาพ สดใหม่ และปลอดภัย แต่ยังทำให้บ้านมีมุมสีเขียวและช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย หากกำลังมองหาพื้นที่อยู่อาศัยที่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตแบบนี้ ขอแนะนำทาวน์โฮมโครงการใหม่พร้อมอยู่ จาก Maison Development ที่ออกแบบพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง โปร่งโล่ง เหมาะสำหรับการจัดสวนครัวหรือปลูก Superfood เล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน ทั้งยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่เติมเต็มคุณภาพชีวิตดี ๆ ให้คุณได้ทุกวัน
สนใจนัดหมายเข้าเยี่ยมชมโครงการ โทร 02-2953397-8
ข้อมูลอ้างอิง
- Superfood เมืองไทย หาง่าย ปลูกง่าย. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 จาก https://gardenandfarm.baanlaesuan.com/348405/farming-101/superfood